
–ตัวอย่างเมนูบาร์ฟสำหรับลูกสุนัข–
.
.
บาร์ฟสูตรนี้เหมาะสำหรับน้องหมาวัยขวบแรก
(อายุตั้งแต่ 1–12 เดือน) และทำเองง่ายมากๆ
โดยผู้เลี้ยงสามารถให้พวกเขาหักดิบกินบาร์ฟได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงต่างๆ (เช่น ภาวะอาเจียน ถ่ายเหลวหรือท้องเสีย) เนื่องจากระบบย่อยยังแข็งแรง อีกทั้งน้องหมายังไม่ติดกลิ่นและรสชาติของอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป ที่สำคัญ น้องหมาวัยเด็กส่วนใหญ่มีนิสัยกินง่าย ไม่ค่อยเลือกทาน เลยทำให้ฝึกกินบาร์ฟได้ไม่ยาก
.
<ส่วนผสมบาร์ฟ (Puppy) ประมาณ 1 กก.>
.
อกไก่บดลอกหนัง 400 กรัม
โครงไก่ลอกหนังบดละเอียด 300 กรัม
หัวใจไก่ 50 กรัม
ตับไก่ 50 กรัม
ผักกาดหอม 50 กรัม
แครอท 30 กรัม
ฟักทองนึ่ง 30 กรัม
ไข่ไก่ดิบ 1 ฟอง
โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้งแท้ 1/4 ช้อนชา
บริวเวอร์ยีสต์(ไม่จำเป็น) 1/2 ช้อนชา
วิตามินซี 1,000 mg 1 เม็ด
.
วิธีทำ
.
1. นำส่วนผสมที่เป็นกระดูกดิบ เนื้อสด
และเครื่องใน มาสับหรือบดให้ละเอียด
2. ถัดมาให้นำผักและผลไม้มาปั่นร่วมกัน
ให้ละเอียด (หรือจะสับเป็นชิ้นเล็กๆก็ได้)
3. นำวัตถุดิบหลักและไข่ดิบ เทลงในชามคลุก
ผสมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อกันไม่ให้
น้องหมาเขี่ยของที่ไม่ชอบ (โดยเฉพาะผัก)
4. จากนั้นใส่โยเกิร์ต น้ำมันมะพร้าว
อาหารเสริม และVitCที่บดแล้วลงไป
5. นำบาร์ฟแบ่งใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
พร้อมให้น้องหมากินอย่างเอร็ดอร่อย
.
.
—————————————————-
โดยปริมาณที่ลูกสุนัขอายุ 6 เดือนแรก
ต้องกินอาหารบาร์ฟจะเฉลี่ยอยู่วันละ 8-10%
ของน.น.ตัว ควรแบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวัน
*ยกตัวอย่างเช่น ลูกหมาโกลเด้นวัย 3 เดือน หนัก 6 กก. ก็ต้องให้ทานบาร์ฟวันละ 480-600 กรัม แบ่งให้ทานวันละ 4 มื้อ เฉลี่ยมื้อละ 120-150 กรัม
.
ส่วนลูกหมาวัยเริ่มโต (อายุ 7 -12 เดือน)
ควรลดปริมาณลงเล็กน้อย เหลือวันละ 4-7 %
ของน.น.ตัว แบ่งเป็น 2-3 มื้อต่อวันก็พอครับ
.
*ยกตัวอย่างเช่น ลูกหมาปอมวัย 10 เดือน หนัก 3 กก. ก็ต้องให้ทานบาร์ฟวันละ 120-210 กรัม แบ่งให้ทานวันละ 3 มื้อ เฉลี่ยมื้อละ 40-70 กรัม
—————————————————
.
.
1.สามารถปรับปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับนิสัยการกิน รวมถึงความถี่การออกกำลังกายในแต่ละวัน (กินเก่งก็ให้เยอะ กินน้อยก็ให้น้อย แต่ให้ปริมาณในช่วง%ที่บอกไป)
.
2. ในส่วนที่เป็นโครงไก่นั้น หมออยากแนะนำให้สั่งซื้อแบบบดสำเร็จรูป เพราะมีความละเอียดมากกว่าการสับด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการติดคอหรือป้องกันฟันหัก แต่ถ้าเลี้ยงน้องหมาพันธ์ใหญ่ที่มีกรามและฟันแข็งแรง สามารถทานกระดูกแบบเป็นชิ้นเล็กได้ครับ
.
3.อาหารเสริมมีความสำคัญเพียง 5-10% และไม่จำเป็นต้องใส่ให้ครบทุกตัว โดยโยเกิร์ต น้ำผึ้ง และน้ำมันมะพร้าว จะช่วยในเรื่องกลบกลิ่นคาวเลือดและเพิ่มรสชาติความอร่อย แต่ถ้าน้องหมากินง่ายมาก จะใส่แค่เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ และไข่ดิบ เท่านี้ก็เพียงพอครับ
.
4.สามารถสลับวัตถุดิบจากไก่เป็นเป็ดได้ เพื่อป้องกันการเบื่อ และอาจเปลี่ยนจากผักกาดหอมเป็นผักใบเขียวอื่นๆ เช่น คอส, สลัดแก้ว, กวางตุ้ง, คะน้า ส่วนฟักทองและแครอทก็หมุนไปให้พืชกลุ่มหลากสีอื่นๆ เช่น กระหล่ำปลีม่วง ,รากบัว, ถั่วงอก, บีทรูท ฯลฯ ให้ยึดตามปริมาณที่คำนวนมาแล้ว
.
5.สูตรเมนูนี้หมอคำนวนโภชนาการสำหรับบาร์ฟ 1 กก.เท่านั้น ถ้าจะทำปริมาณเยอะกว่านี้ก็ต้องคำนวนปริมาณการให้อาหารเสริมใหม่หมด (ไม่แนะนำให้ใส่แบบ X2 X3 เพราะทำให้สารอาหารผิดเพี้ยน) โดยสูตรนี้เหมาะสำหรับให้ผู้เลี้ยงมือใหม่ทำบาร์ฟแบบง่ายๆด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อผลิตไปขาย
.
ขอให้เมนูนี้มีประโยชน์แก่แฟนเพจท่านที่มีสุนัขวัยเด็กและอยากลองทำบาร์ฟดวยตัวเอง ลองเข้าครัวและหัดทำตามได้เลยครับ:)
.
.