สัดส่วนบาร์ฟที่เหมาะสมสำหรับสุนัข
🎉ตอนที่ 2.5 #สัดส่วนบาร์ฟที่เหมาะสมสำหรับสุนัข
.
คราวนี้ก็ถึงเวลาเข้าครัวทำบาร์ฟสักทีล่ะนะ
เพื่อนๆคนไหนที่ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ล่ะก็ 
หมอแนะนำให้อ่านบทความนี้หลายๆรอบ
แล้วเริ่มลงมือทำกันเลย:)
.
🤔สิ่งแรกที่ผู้เลี้ยงคิดว่ายาก เมื่อได้ยินคำว่า
บาร์ฟ คือ “ไม่รู้ต้องเริ่มให้อะไร” 
และ “ต้องใช้สัดส่วนเท่าไร” ถึงถูกหลัก
โภชนาการของน้องหมามากที่สุ
.
แม้บาร์ฟจะไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว
เพราะสามารถทำเองได้ง่ายมาก 
เพียงแค่นำอาหารสดดิบหลากชนิด
มาสับๆและใส่รวมกัน ก็เรียกว่าบาร์ฟล่ะ

แต่สิ่งที่ผู้ให้ ต้องคำนึงถึงทุกครั้ง คงไม่พ้น 
#การเลือกวัตถุดิบในสัดส่วนที่เหมาะสม 
เพื่อให้ดีต่อสุขภาพของน้องหมาตามช่วงวัย
.
ดังนั้น หมอเป็ดอยากแนะนำสัดส่วนบาร์ฟ
ที่ใช้กับสุนัขของตัวเองรวมถึงของลูกค้า
เป็นสูตรที่ใช้ได้ สำหรับสุนัขทุกสายพันธ์
เหมาะมากในช่วงวัยโต อายุ 1 – 7 ปี

📌ถ้าคุณยึดตามสัดส่วนนี้ได้ บาร์ฟมื้อนี้จะมี
ประโยชน์สูงสุด และไม่มีปัญหาทางสุขภาพ
ย้อนหลังแน่นอนครับ 

╔══════════════╗
ใน 1 มื้อ บาร์ฟสุนัข
ควรมีสัดส่วนวัตถุดิบ ดังนี้
╚══════════════╝

1️⃣ #กระดูกติดเนื้อดิบสับละเอียด 
<สัดส่วน 50-60%>
.
💕นี่ถือเป็นส่วนผสมหลักของบาร์ฟครับ 
โดยกระดูกดิบและเนื้อดิบ ที่นิยมให้คือ 
โครงไก่ อกไก่ หรือ สันในไก่ แนะนำว่า
ควรสับให้ละเอียดก่อนฝึกให้ทั้งชิ้น 
ยิ่งถ้าเลี้ยงสุนัขพันธ์เล็ก อาจต้องสับ
ให้ละเอียดมากๆ เพื่อป้องกันการติดคอ
แต่ถ้าเลี้ยงสุนัขพันธ์ใหญ่ อาจสับ
เป็นชิ้นพอดีคำให้เล็กกว่าช่องปาก 
พยายามเลือกตรงส่วนกระดูกอ่อนเท่านั้น
.
⚠️หลีกเลี่ยงส่วนกระดูกเชิงกราน 
เพราะมีความแข็งมากกว่าปกติ 
และอย่าลืมลอกหนังส่วนไขมันออกให้หมด
.
นอกจากให้กระดูกส่วนโครงและปีกไก่แล้ว 
เรายังสามารถเลือกส่วนผสมอื่นได้อีก 
เช่น คอไก่ โครงปลาแซลมอนสับ โครงเป็ด
ควรหมุนเวียนเนื้อสัตว์ประเภทอื่นลงไปด้วย 
เช่น เนื้อเป็ด เนื้อวัว เนื้อแกะ ปลาทูน่า 
ปลาซาร์ดีน ปลาแซลม่อน หรือปลาเล็กดิบ
ทั้งตัว เช่น ปลาทูดิบ ปลาไข่
.
❗️ข้อควรระวัง : พยายามให้สัดส่วนของ
กระดูกดิบและเนื้อดิบในปริมาณพอๆกัน 
(กะได้ด้วยตาเปล่า ประมาณ 1:1 หรือ 2:1)
เช่น กระดูกดิบ 30 % กับ เนื้อดิบ 30 % 
หรือ กระดูกดิบ 40% กับเนื้อดิบ 20 % 
เพื่อความสมดุลของแร่ธาตุ
.
อย่าให้แต่กระดูกดิบเพียงอย่างเดียว
โดยไม่มีเนื้อดิบเสริมเลย มิเช่นนั้น 
สุนัขจะได้รับปริมาณแร่ธาตุแคลเซียม 
แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ที่ไม่สมดุลกัน
.
2️⃣ #เครื่องในดิบ
<สัดส่วน 5-10%>

ควรเลือกซื้อเครื่องในดิบที่สด สะอาด 
นำมาสับหยาบๆแล้วผสมในบาร์ฟ 
จะใช้ส่วนไหนก็ได้ (ยกเว้นลำไส้) 
เช่น ตับ ไต ปอด หัวใจ ผ้าขี้ริ้ว กึ๋น 
.
*** ผ้าขี้ริ้ว (Green Tripe) เป็นส่วนกระเพาะวัว
ที่มีสารอาหารและแร่ธาตุสะสมอยู่มาก 
แต่ควรให้กินแบบไม่ฟอกสีเท่านั้น 
(ลักษณะจะออกสีเขียวเข้ม หรือดำ)
แต่ถ้าเห็นเป็นสีขาวสะอาด อย่าซื้อมาใส่บาร์ฟ
โดยเด็ดขาด เพราะผ่านการฟอกมาแล้ว 
น้องหมาที่เผลอกินเข้าไปอาจมีภาวะ
อาเจียนรุนแรง และมีอันตรายต่อสุขภาพ
.
3️⃣ #ผักดิบปั่นละเอียด 
<สัดส่วน 10-15%>
.
เราสามารถใช้ผักสดตามฤดูกาลที่หาซื้อได้ 
ในหนึ่งชามควรมีผัก 3-5 ชนิด อย่าลืมล้าง
ให้สะอาด และนำไปปั่นก่อนทุกครั้ง 
เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาแอบเขี่ยทิ้ง😁 
.
สาเหตุที่ต้องปั่นผักให้ละเอียด เพราะผนัง
เซลล์ของผักเป็นเซลลูโลส กระเพาะสุนัข
มักย่อยไม่ค่อยได้ ส่งผลให้ไม่อยากเคี้ยว 
เราต้องทำให้เซลลูโลสละเอียดก่อน 
ร่างกายของเขาจึงดูดซึมสารอาหาร 
และวิตามินได้อย่างเต็มที่ รวมถึง
ขับออกเป็นกากง่ายขึ้นด้วยครับ

╔════════════╗
🔥ผักที่ต้องระวัง🔥 
อย่าเผลอให้น้องหมา
กินมากเกินไป ได้แก่
╚════════════╝
.
หัวหอมและกระเทียม : ทำให้เป็น
โลหิตจาง เกิดภาวะอาเจียน น้ำลายไหล 
และมีผลกระทบต่อระบบประสาท

มันฝรั่ง : มีส่วนผสมหลักคือแป้ง 
ถ้ากินเข้าไปมากๆจะเปลี่ยนรูปเป็นน้ำตาล 
เมื่อร่างกายมีมากเกิน จะทำให้เซลล์
ในร่างกายอักเสบ+เสี่ยงเป็นโรคอ้วน
.
บล็อคโคลี่ : มีประโยชน์มาก ถ้าให้
นิดหน่อย แต่ถ้าให้มากไป อาจมีผลต่อ
การทำงานของต่อมไทรอยด์ 
รวมถึงเสี่ยงเกิดแก็สในกระเพาะ
.
4️⃣ #ผลไม้สดปั่นละเอียด 
<สัดส่วน 5-10 %>
.
ใช้ผลไม้ที่หาซื้อทั่วไปได้เลย เช่น 
แอปเปิ้ล แตงโม สาลี่ แคนตาลูป กล้วย
แก้วมังกร ฝรั่ง สตรอเบอรี่ มะละกอ
สามารถนำไปปั่นรวมกับผัก 
และผสมลงไปในบาร์ฟมื้อนั้นได้เลย 
(ถ้าผลไม้ไหนมีเมล็ดให้เอาออกด้วยนะ) 
.
ผลไม้ที่ห้ามให้ คือ องุ่น และ ลูกเกด
หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีความหวานมากเกินไป 
เช่น มะม่วง ทุเรียน ขนุน ลำไย ลองกอง
.
5️⃣ #Supplementหรือส่วนผสมอื่น 
<สัดส่วน 5-10 %>
.
กลุ่มนี้เปรียบเสมือนอาหารเสริม 
ที่เราควรใส่สลับหมุนเวียนกันไป 
ที่นิยมให้ ได้แก่ น้ำมันแซลม่อน, โยเกิร์ต 
น้ำผึ้ง, Apple Cider Vinegar ,ขมิ้นชัน 
น้ำมันมะพร้าวแบบสกัดเย็น, น้ำมันตับปลา 
กระเทียมดิบสับนิดหน่อย, คอทเทจชีส 
ผงสาหร่ายต่างๆ ผงชีสและบริเวอร์ยีสต์
.
👉เวลาใส่ให้เลือกมาแค่ 1-2 อย่างก็พอครับ 
ไม่ต้องให้ทั้งหมด แต่ควรสลับสับเปลี่ยน
กันไปแล้วแต่ความเหมาะสมของมื้ออาหาร
.
===============================
.
.
<< ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากหมอเป็ด >>
.
.
👉กรณีที่ให้สุนัขเริ่มกินบาร์ฟ ช่วง 3-7 วันแรก 
อาจให้แค่ปีกไก่สับ หรือโครงไก่สับละเอียด 
พร้อมผสมโยเกิร์ต และฟักทองนึ่ง เพื่อช่วย
เพิ่มประสิทธิภาพการย่อย พอคุ้นเคยกับการ
ให้อาหารสดดิบโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆแล้ว 
จึงค่อยปรับมาให้ตามสัดส่วนที่หมอแนะนำ

👉สุนัขวัยเด็ก ตั้งแต่หลังหย่านมจนอายุ 1 ปี 
ควรเน้นสัดส่วนไปที่โปรตีนจากเนื้อสัตว์
ให้มากๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต

📌หลีกเลี่ยงการให้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ชนิด
เดิมติดต่อกันนานเกินไป เช่น ให้ทานเฉพาะ
โครงไก่ หรือ กินเนื้อไก่ติดต่อกันหลายเดือน
โดยไม่เคยหมุนเวียนเนื้อชนิดอื่นเลย 
นอกจากสุนัขได้รับสมดุลแร่ธาตุไม่เหมาะสม 
ยังเสี่ยงต่อการแพ้เนื้อสัตว์ชนิดนั้นด้วย 
รวมถึงมีผลกระทบต่อตับและไตภายหลัง

📌การให้บาร์ฟนั้น ผู้เลี้ยงควรปรับเปลี่ยนสูต
ตามสภาพร่างกาย และอุปนิสัยของน้องหมา 
ยิ่งน้องหมาที่เข้าสู่ช่วงสูงวัย (เกิน 7 ปี ขึ้นไป) 
หรือมีโรคประจำตัว ก็ต้องปรับสูตรบาร์ฟให้
เหมาะสมโดยพิจารณาตามค่าผลเลือดนะครับ
.
❤️With Love Your Pets #หมอเป็ด🐤
 
ข้อมูลดีๆเกี่ยวกับบาร์ฟ
สนใจบาร์ฟพรีเมี่ยมและเรียนทำอาหาร
หมอเป็ด สัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านบาร์ฟ