ทำไมการให้บาร์ฟ (B.A.R.F) จึงเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สัตว์เลี้ยง
ทำไมการให้บาร์ฟจึงเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สัตว์เลี้ยง?
หนึ่งในประเด็นที่ผู้เลี้ยงหลายท่านสนใจและมักจะถามไถ่เข้ามาตลอด คือการให้หมาแมวกินอาหารสดดิบ หรือที่เรียกว่า บาร์ฟ (B.A.R.F) นั้นดีจริงมั้ย
.
มีการพิสูจน์มาแล้วว่าสุนัขและแมวที่กินบาร์ฟ นอกจากอุจจาระจะน้อยลง ขับถ่ายไม่เหม็น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบทางเดินอาหาร และขนสวยกว่าสุนัขที่กินอาหารปรุงสุก/อาหารสำเร็จรูป เพราะเค้าได้รับสารอาหารแบบเต็มที่ โดยไม่สูญเสียไปกับกรรมวิธีต่างๆ และอาหารดิบยังย่อยง่ายกว่า
.
แม้บาร์ฟจะมีข้อดีหลายประการ (ถ้าให้เป็น) แต่ข้อเสียก็มีเช่นกันครับ เพราะผลสำรวจจากผู้เลี้ยงในประเทศอเมริกาและออสเตรเลียที่ถือว่าเป็นสองประเทศที่บูมเรื่องอาหารบาร์ฟแบบสุดๆ คือมีสุนัขทานบาร์ฟสูงถึง 16.2 % และมีแมวที่ทานบาร์ฟอยู่ที่ 9.2% เมื่อเทียบกับอาหารสัตว์เลี้ยงทุกประเภทซึ่งแนวโน้มการให้บาร์ฟกำลังเพิ่มขึ้นทุกปี (ส่วนประเทศอื่นๆยังมีสัตว์เลี้ยงทานบาร์ฟเพียง 3-7 % เท่านั้น)
.
แต่มีผู้เลี้ยงเพียง 9 % ที่ปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจให้บาร์ฟ ที่เหลือคือศึกษาเองจากหนังสือสอนทำอาหารหมาแมวที่เขียนโดยสัตวแพทย์และที่ไม่ใช่สัตวแพทย์ / หาอ่านจากความรู้ในอินเตอร์เน็ตหรือแมกกาซีนสัตว์เลี้ยง บางเมนูอาจไม่ได้ผ่านการคำนวณโภชนการมาอย่างดีพอ เมื่อให้บาร์ฟที่โภชนาการไม่สมดุลไปนานๆย่อมมีผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งภาวะฮอร์โมนไทรอยด์สูง (Hyperparathyroidism) ,ภาวะกล้ามเนื้อหดตัวผิดปกติ (Muscle Twitching) ,เป็นโรคกระดูกบาง (Osteopenia) ถ้าเป็นหนักๆสุนัขและแมวจะเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก ร่างกายทรุดโทรม ส่งผลให้ขาเริ่มโค้งงอผิดรูป (Limb Deformities)
.
*อาหารที่ไม่สมดุลในสุนัขและแมว คืออาหารที่มีสารอาหารหลักทั้ง 6 อยู่ในระดับที่ไม่พอเหมาะ ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำ วิตามิน และแร่ธาตุ (ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ปริมาณโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี เพราะมีผลต่อเกือบทุกระบบในร่างกาย)
.
ดังนั้นการให้บาร์ฟที่ดี จึงไม่ใช่แค่ให้เนื้อสดดิบ+กระดูกดิบเท่านั้น แต่ควรผสมเครื่องใน ผัก ผลไม้ เช่น ผักกาด ฟักทอง แครอท ไข่ และธัญพืชลงไปด้วยก็ได้ เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
.
สุดท้ายนี้ หากใครที่กังวลว่าหมาแมวของตัวเองไม่เคยกินของดิบมาก่อน เขาจะยอมกินมั้ย?
.
#คำตอบคือ ถ้าน้องไม่ได้มีนิสัยทานยากจนเกินไป หมอบอกเลยว่า โดยสัญชาตญาณแล้วเขาชอบมากครับ ได้ลองครั้งเดียวติดใจทุกราย เพราะกลิ่นอาหารสดดิบนั้นหอมชวนทานมากกว่าอาหารประเภทอื่นเป็นไหนๆ ฉะนั้นยากที่สุดของการให้บาร์ฟ ไม่ใช่การทำให้สุนัขและแมวยอมกินของดิบหรอกครับ แต่คือ #การหาวัตถุดิบที่ดีและต้องผสมแบบถูกสัดส่วน มาให้เขากินโดยไม่ท้องเสียภายหลังต่างหาก ถ้าให้กินบาร์ฟเป็นมื้อหลักได้ รับรองว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพที่ดีขึ้นภายใน 2- 4 สัปดาห์แน่นอนครับ:)
.
#50ข้อสงสัยเกี่ยวกับอาหารบาร์ฟ
#ทำไมการให้บาร์ฟจึงเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สัตว์เลี้ยง?
บาร์ฟหมาแมวที่ดีที่สุด
ข้อมูลบาร์ฟ
หมอเป็ด สัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านบาร์ฟ