🎉ตอนที่2.4 #เคล็ดลับจัดเก็บและเตรียมวัตถุดิบให้สดใหม่ก่อนทำบาร์ฟ
.
การทำอาหารให้น้องหมา คือ “หน้าที่สำคัญ” 
ยิ่งถ้าอยากให้พวกเขาสุขภาพดีด้วยแล้ว 
บาร์ฟอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม 
แต่สิ่งที่ผู้เลี้ยงกังวลมากในช่วงเริ่มแรก 
คือกลัววัตถุดิบจะไม่สด หรือสะอาดไม่มากพอ
. 
ถึงแม้สุนัขจะมีระบบย่อยอาหารที่สามารถ
จัดการเชื้อโรคได้อย่างไม่มีปัญหา 
แต่ “การเตรียม” และ “การจัดเก็บ” ที่ดี
จะช่วยให้หายห่วงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
เช่น ท้องเสีย หรืออาเจียน หลังกินบาร์ฟได้
. 
🤓แล้วทำไมหมอต้องเน้นย้ำ 2 เรื่องนี้ เพราะ
บาร์ฟคือการให้อาหารแบบสดดิบ โดยเฉพาะ
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ เครื่องใน กระดูกดิบต่างๆ 
อาหารกลุ่มนี้ มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน
เชื้อโรคง่ายมาก แม้เรามั่นใจแหล่งที่มา
ว่าสะอาดจริงเพราะเป็นเกรดที่คนทานเชียวนะ
.
แต่ถ้าเผลอจัดเก็บไม่ถูกต้อง รวมถึงระหว่าง
การเตรียมบาร์ฟที่ลืมคำนึงถึงหลักสุขอนามัย 
วัตถุดิบที่อุตส่าห์ตัั้งใจซื้อมาราคาแพง 
ก็มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อได้อีกรอบเหมือนกัน
. 
ดังนั้น หมอจะมาบอกความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ
เคล็ดลับการเตรียมบาร์ฟ รวมถึงวิธีการจัดเก็บ
และเตรียมเนื้อดิบ ให้มีความสะอาด+สดใหม่
ในทุกขั้นตอนของการทำบาร์ฟ 
.
#นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ผู้เลี้ยงสายบาร์ฟทุกคนห้ามพลาดครับ
.
╔═══════════════╗
6 ขั้นตอนที่ควรปฏิบัติ สำหรับ
การจัดเก็บวัตถุดิบ ได้แก่
╚═══════════════╝
.
1️⃣หลังจากเลือกซื้อวัตถุดิบกลุ่มเนื้อสัตว์
เสร็จแล้ว ควรรีบเดินทางกลับบ้านทันที 
เพื่อป้องกันไม่ให้เน่าเสีย เนื้ออาจบูดได้
เมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศา 
นานเกิน 6 ชม. ขึ้นไป
.
📌ดีที่สุดคือกลับถึงบ้านภายใน 1 ชม.
แต่ถ้าช้ากว่านั้น ควรมีกระเป๋าเก็บความเย็น
หรือกล่องโฟมใส่น้ำแข็งเตรียมไว้
เพื่อคงความสดของวัตถุดิบก่อนถึงบ้าน
.
2️⃣ควรเก็บเนื้อดิบ เครื่องใน และกระดูกดิบ 
ในช่องแช่แข็งเท่านั้น (เปิดเบอร์ 2 ขึ้นไป) 
อย่าอัดอาหารไว้ในตู้เย็นจนแน่นมาก เพื่อ
มีพื้นที่ว่างให้ความเย็นได้หมุนเวียน 
.
ถ้านำวัตถุดิบออกมาละลายแล้ว สามารถเก็บ
ในช่องธรรมดาต่อได้อีก 1-2 วัน ไม่แนะนำ
ให้ไปแช่แข็งอีก เพราะการนำมาละลาย
หรือวางในอุณหภูมิห้อง เชื้อโรคอาจเติบโตได้
.
3️⃣อาหารสดทุกชนิด ควรนำมาทำบาร์ฟ 
ให้หมดก่อนถึงวันหมดอายุ แต่ถ้าไม่ทราบ
พยายามอย่าให้เกิน 5 วัน นับจากวันซื้อ
เพราะถ้าเก็บนานเกินกว่านี้ จะทำให้
ความสดลดลง เสี่ยงต่อการบูดเน่าเสียได้
.
⚠️ที่สำคัญไม่ควรซื้อมาตุนไว้ เพราะความสด
ของอาหารจะลดลง แม้ว่าบ้านคุณจะมี
ช่องแช่แข็งกว้างใหญ่แค่ไหนก็ตาม 
.
4️⃣ระหว่างการจัดเก็บ หรือขณะทำบาร์ฟ
ควรป้องกันไม่ให้เนื้อดิบสัมผัสกับอาหารอื่นๆ 
เพราะทำให้เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย
.
5️⃣ขณะนำเนื้อดิบมาทำบาร์ฟ ถ้าไม่มั่นใจ
ความสะอาด สามารถใช้น้ำส้มสายชูอ่อนๆ 
ล้างอีกครั้ง เพื่อช่วยฆ่าแบคทีเรีย
และเชื้อโรคบางชนิดได้ 
.
ก่อนล้างน้ำสะอาดทุกครั้ง ต้องสำรวจด้วยว่า
#สีและกลิ่นเปลี่ยนไปหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจ 
เริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือคาวมาก
ก็ไม่ควรนำมาทำบาร์ฟ ต้องทิ้งทันที
.
6️⃣อย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสเนื้อดิบ 
รวมถึงล้างเครื่องมืออุปกรณ์ทำครัวที่ใช้
เตรียมบาร์ฟ ทั้งก่อนทำและหลังทำ
.
==============================
.
👉ข้อดีของการทำอาหารสุนัขด้วยตัวเอง คือ 
#ตัวเราเป็นผู้ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน
ตั้งแต่ การเลือกซื้อ ,การจัดเก็บ ,การเตรียม
จนกระทั่งเสริฟใส่ชามของน้องหมา
ต่างจากอาหารสำเร็จรูปที่ใช้ส่วนผสมใดบ้าง 
ดีต่อสุขภาพและปลอดภัยแก่พวกเขาแค่ไหน
เราแทบไม่มีทางรู้ และอย่าลืมค้นหา
#แหล่งซื้อขายวัตถุดิบที่ดีและน่าเชื่อถือ
เพื่อให้มั่นใจว่าบาร์ฟทุกมื้อของน้องหมา
มีความสะอาดและไม่เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค 
.
💕จำไว้ว่า ยิ่งเราใช้วัตถุดิบที่ดีมากเท่าไร 
ประโยชน์ที่ได้ก็อยู่ที่สุนัขของพวกเราเองล่ะครับ

===============================
.
<มุมมองหมอเป็ด>
.
.
ถ้าคุณตัดสินใจทำบาร์ฟ ก็ต้องพิถีพิถัน
ในการเลือกวัตถุดิบให้มาก โดยเฉพาะ 
“โปรตีนจากสัตว์ทุกประเภท” ไม่ว่าจะเป็น
เนื้อไก่ โครงไก่ ปีกไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว 
รวมถึงกระดูกดิบอย่างโครงไก่และเครื่องใน
.
แถมต้องให้น้องหมากินแบบดิบๆ โดยไม่ผ่าน
ความร้อน #ความสะอาดและความปลอดภัย
จึงเป็นเรื่องแรกที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจให้มากๆ
.
ส่วนอาหารประเภทอื่น เช่น ผักผลไม้ 
เราก็หาซื้อได้ตามสถานที่ๆมีขายทั่วไป 
แต่อย่าลืมล้างให้สะอาด เพื่อล้างเอาสิ่งสกปรก
ออกให้หมด ก่อนให้น้องหมากินทุกครั้ง
ถ้าให้ดี ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มาจาก
ฟาร์มออร์แกนิค เพื่อให้มีการปนเปื้อนสารเคมี
น้อยที่สุด เพราะสุนัขจะไวต่อพวกสารเคมี
มากกว่าคนถึง 10-20%เลยล่ะครับ
.
ขอให้ผู้เลี้ยงทุกคนมีความสุขทุกครั้ง
ขณะเตรียมบาร์ฟอยู่ในครัวนะครับ
.

❤️With Love Your Pets #หมอเป็ด🐤