
จะเลือกทำอาหารปรุงสุกให้น้องหมาแบบไหนดี?
ระหว่างเมนูผัดไวสไตล์ Home Cooking 🍳
หรือ เมนูตุ๋นช้าใน Crockpot ที่หอมนุ่มละมุนทั้งหม้อ 🍲
เขียนโดย: หมอเป็ด – สัตวแพทย์เจ้าของแบรนด์อาหารสุขภาพ BARFnista
ในปี 2025 เทรนด์การทำอาหารปรุงสุกให้สัตว์เลี้ยงกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะเจ้าของจำนวนมากเริ่มเข้าใจว่า “อาหารที่เราลงมือทำเอง” ย่อมดีกว่าการพึ่งพาอาหารสำเร็จรูปตลอดชีวิต
แต่เจ้าของหลายท่านหลายคนก็ยังลังเลว่า “ควรทำแบบไหนดี?” วันนี้หมอจะอธิบายให้ครบทุกแง่มุมครับ
🥘 แบบที่ 1: Home Cooking (stir-fry style) – เมนูผัด
✅ จุดเด่น:
ทำง่าย รวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 5–10 นาทีต่อมื้อ
ไม่ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ เพราะใช้เพียงกระทะ เตาแก๊ส หรือกระทะไฟฟ้า
กลิ่นหอม → กระตุ้นความอยากอาหาร เหมาะกับสุนัขที่ “เลือกกิน” หรือเบื่ออาหาร
ทำทีละมื้อ ช่วยให้ควบคุมคุณภาพวัตถุดิบได้ละเอียด
⚠️ ข้อควรระวัง:
การใช้ความร้อนตรง (direct heat) ทำให้สูญเสียวิตามินและเอนไซม์จากธรรมชาติมากกว่าแบบตุ๋น
จำเป็นต้องเสริมแคลเซียมและวิตามินรวม ทุกครั้ง เพื่อให้สารอาหารครบถ้วน
อาจต้องทำบ่อย จึงไม่สะดวกสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย
🐶 เหมาะกับสุนัขแบบไหน?
สุนัขอายุ 1–7 ปี ที่สุขภาพแข็งแรง
สุนัขกินยาก หรือเบื่อง่าย
เจ้าของที่ชอบทำอาหารและมีเวลาทำแบบวันต่อวัน
🍲 แบบที่ 2: Crockpot (slow-cooked stew)– เมนูตุ๋น
✅ จุดเด่น:
ใช้วิธีตุ๋นด้วยไอน้ำ → ถนอมสารอาหารได้ดีกว่าผัด/ต้ม
อาหารมีเนื้อนุ่ม เปื่อย เคี้ยวง่าย เหมาะกับสุนัขฟันไม่แข็งแรง
ย่อยง่าย → ดูดซึมดี เหมาะกับสุนัขป่วยหรือกำลังพักฟื้น
ทำทีเดียวเก็บใส่ช่องฟรีซได้หลายวัน → ช่วยประหยัดเวลาในระยะยาว
สามารถเพิ่ม ซุป Bone Broth เพื่อเสริมคอลลาเจนและแร่ธาตุได้ในสูตรเดียว
🔧 อุปกรณ์ที่แนะนำ:
หม้อตุ๋นธรรมดา: ใช้เวลา 2–4 ชม.
หม้อแรงดันไฟฟ้า: ย่นเวลาเหลือเพียง 25–60 นาที
ความจุที่เหมาะสม: 4 ลิตรขึ้นไป เพื่อรองรับปริมาณวัตถุดิบที่มากพอในแต่ละรอบการทำ
⚠️ ข้อควรระวัง:
ใช้เวลานาน (หากไม่ใช้หม้อแรงดัน)
อาหารนิ่มมาก อาจไม่เหมาะกับสุนัขที่ชอบเคี้ยวหรือต้องการฝึกกล้ามเนื้อกราม
ต้องควบคุมสัดส่วนเนื้อ-ผัก-ไขมันอย่างแม่นยำ และเสริมวิตามิน/แร่ธาตุเช่นเดียวกับเมนูผัด
🐶 เหมาะกับสุนัขแบบไหน?
สุนัขอายุ 7 ปีขึ้นไป (สูงวัย)
สุนัขที่มีปัญหาฟันหรือขากรรไกร
สุนัขป่วย หรืออยู่ในช่วงพักฟื้นจากการผ่าตัด/การรักษา
เจ้าของที่ไม่มีเวลาเข้าครัวบ่อยๆ → ทำครั้งเดียวสต็อกไว้ได้
🔄 แล้วควรเลือกแบบไหนดี?
🧭 คำตอบอยู่ที่:
สุขภาพของน้องหมา
นิสัยการกิน
เวลาที่เจ้าของมี
คำถาม | ถ้า “ใช่” ให้เลือก… |
---|---|
หมาชอบกินอาหารหอมๆ ร้อนๆ? | เมนูผัด (Home Cooking) |
ไม่มีฟัน หรือระบบย่อยไม่ดี? | เมนูตุ๋น (Crockpot) |
เจ้าของมีเวลาทำอาหารทุกวัน? | ผัด |
อยากทำทีเดียวแล้วเก็บไว้หลายวัน? | ตุ๋น |
อยากได้คุณค่าทางอาหารสูงสุด? | ตุ๋น (แต่ต้องตุ๋นอย่างถูกวิธี) |
💡 หมอแนะนำเพิ่มเติม
ไม่ว่าจะเลือกวิธีผัดหรือตุ๋น ต้องใส่วิตามินรวมและแคลเซียมเสริมทุกครั้ง
อาหารปรุงสุกมักขาดแร่ธาตุจำเป็น เช่น แคลเซียม, สังกะสี, วิตามิน D และ B-complex
สลับเมนูทุก 3–5 วัน เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารและลดความเสี่ยง “แพ้โปรตีนเดิม”
สามารถใช้เมนูปรุงสุกร่วมกับอาหารสำเร็จรูปหรือบาร์ฟได้ แต่ต้องแยกเวลาอย่างน้อย 8–12 ชม. ต่อมื้อ เพื่อให้ระบบย่อยทำงานได้เต็มที่
เริ่มฝึกให้หมาทานอาหารปรุงสุกตั้งแต่ยังอายุน้อย จะช่วยให้ปรับตัวได้ง่าย และเป็นพื้นฐานเมื่อน้องหมาแก่ลง จะสลับมากิน Crockpot ได้ทันที
🧡 ส่งท้ายจากหมอเป็ด
อาหารปรุงสุกคือ “มื้อพิเศษจากมือเจ้าของ” ที่อุดมไปด้วยความรัก ความตั้งใจ และประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว
ไม่ว่าคุณจะเลือกทำเมนูแบบไหน ขอเพียงคุณตั้งใจ เรียนรู้ และใส่ใจความสมดุลทางโภชนาการ อาหารทุกจานที่คุณทำจะกลายเป็นยารักษาโรค และเป็นความสุขให้สุนัขของคุณได้ในทุกๆ วัน
หากต้องการสูตรอาหารปรุงสุก หรือเมนูทำง่ายที่หมอคำนวณไว้แล้ว
📲 แอดไลน์ @barfnista แล้วทักมาได้เลยครับ หมอยินดีส่งสูตรให้แบบละเอียดครบถ้วน
พร้อมให้คำปรึกษาการวางแผนอาหารที่เหมาะกับน้องหมาของคุณทุกตัวครับ 🐶💚



