แนวคิดการให้อาหารสดดิบ แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท!?
เมื่อพูดถึงการให้อาหารดิบแก่สัตว์เลี้ยง แทบทุกคนรวมทั้งตัวหมอเองมักใช้คำเรียกสั้นๆว่า “บาร์ฟ” แต่ถ้ามองภาพรวมของการให้กลุ่มนี้ (Raw Meat Based Diets) ยังแบ่งย่อยได้อีกหลายประเภท ซึ่งบาร์ฟเป็นแค่ส่วนหนึ่งในนั้น โดยมี 2 โมเดลที่นิยมมากที่สุด ลองทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันครับ
.
1.BIOLOGICALLY APPROPRIATE RAW FOOD (B.A.R.F) = บาร์ฟ
.
คือแนวคิดการให้อาหารสดดิบเลียนแบบวิถีการกินตามธรรมชาติและเหมาะสมทางชีวภาพของสุนัขและแมวซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นสัตว์ป่า (หมาป่าและเสือ)
โดยส่วนผสม 1 มื้อ จะประกอบไปด้วย เนื้อดิบ กระดูกดิบ เครื่องใน ผักผลไม้ และมีการเพิ่มวิตามินหรืออาหารเสริมลงไปเพื่อรักษาความสมดุลในแต่ละมื้ออาหาร แนวคิดนี้มี Dr. Ian Billinghurst เป็นสัตวแพทย์ผู้ริเริ่ม และทำให้บาร์ฟเริ่มเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
.
2.PREY MODEL RAW (PMR) = การให้อาหารเลียนแบบนักล่า
.
เป็นการจำลองอาหารที่สุนัขและแมวล่าได้เองตามธรรมชาติ แนวคิดคือ สารอาหารทั้งหมดที่พวกเขาต้องการจะมาจากสัตว์ที่เป็นเหยื่อ รวมถึงอาหารที่เหยื่อกินเข้าไปอีกที พูดง่ายๆคือฝึกให้ทานสัตว์ตัวเล็กๆแบบทั้งตัว (หรือสับให้เป็นชิ้นๆ) เช่น หนู กระต่าย ปลา นกกระทา ไก่ทั้งตัวพร้อมขน ฯลฯ โดยไม่ต้องเสริมผักผลไม้และอาหารเสริมต่างๆ เพราะมีความเชื่อว่าผักผลไม้อยู่ในส่วนท้องของเหยื่อ แม้จะผ่านการย่อยมาแล้วยังคงมีโภชนาการครบถ้วนเพียงพอ
.
.
.
แล้วการให้แบบไหนเหมาะกับสัตว์เลี้ยงของเรา?
.
.
หากสะดวกที่จะปั่นวัตถุดิบรวมกันรวดเดียวเพื่อให้หมาแมวทานได้ง่ายๆ ก็จะไปทางสายบาร์ฟ แต่ถ้าชอบให้เป็นชิ้นโตๆเช่นให้กินโครงไก่ เนื้อ หัวปลา ผ้าขิ้ริ้ว และเครื่องในต่างๆแบบแยกส่วนก็จะไปทางสายนักล่า แต่ไม่ว่าจะให้แบบไหน หัวใจสำคัญคือผู้เลี้ยงต้องหมั่นสับเปลี่ยนหมุนเวียนวัตถุดิบให้ครบสมบูรณ์
เพราะยังไงเศษอาหารตกค้างในท้องของเหยื่อคงไม่ได้ครอบคลุมถึงผักผลไม้ดีๆทุกมื้อ(ส่วนใหญ่จะเป็นใบไม้ ดอกไม้ ใบหญ้า) และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวิตามินแร่ธาตุครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ
.
สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะเลือกการให้อาหารสดดิบแแบบไหน ขอให้ดูที่สายพันธ์เป็นหลัก ถ้าเป็นสุนัขหรือแมวพันธ์ใหญ่ สามารถให้แบบนักล่าได้ เนื่องจากมีกรามที่แข็งแรง แต่ถ้าเป็นสุนัขพันธ์เล็ก-กลาง รวมถึงแมวที่เลี้ยงในบ้าน ควรให้แบบบาร์ฟเพราะทานง่ายและดีต่อระบบย่อยมากกว่า หรือจะให้บาร์ฟแบบผสมผสาน (HYBRID RAW DIET) ก็ไม่ผิดครับ เช่นมื้อเช้าอาจให้บาร์ฟที่ปั่นผสมแล้ว ส่วนมื้อเย็นถ้าน้องยังอิ่มอยู่ก็ให้กระดูกดิบแทะเล่น มองภาพรวมกว้างๆว่าใน 1 สัปดาห์ควรเตรียมวัตถุดิบให้หลากหลายมากที่สุด เท่านี้ก็เพียงพอครับ:)
.
*ยังมีอาหารสดดิบอีกหนึ่งโมเดลหนึ่งที่เรียกว่า KETOGENIC RAW DIET (การทานอาหารดิบแบบคีโต) คือการให้อาหารสดดิบที่เน้นไขมันสูง รองมาด้วยโปรตีน (ไขมัน 2 ส่วนต่อ โปรตีน 1 ส่วน) โดยลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือปริมาณน้อยมากๆ เพื่อให้ร่างกายนำไขมันสะสมมาเผาผลาญเป็นพลังงาน ผู้เลี้ยงมักนิยมให้อาหารสดดิบคีโตในหมู่สัตว์เลี้ยงที่เป็นโรคมะเร็ง เนื่องจากเซลล์มะเร็งไม่สามารถนำสารอาหารจากไขมันมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ แต่ไม่นิยมนำมาให้ในสัตว์เลี้ยงสุขภาพดีปกติเท่าไรครับ^^
.
#30ข้อสงสัยเกี่ยวกับอาหารบาร์ฟ
#แนวคิดการให้อาหารสดดิบ แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท!?
#แนวคิดการให้อาหารสดดิบ แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท!?